กรดไขมันโอเมก้า-3 มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้านแต่ที่เด่นชัดคือป้องกันหรือลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดโดยจะมีกระบวนการทำงานดังนี้คือ ลดการเกิดหัวใจเต้นผิดปกติ ลดการเกิดการจับตัวกันของเกล็ดเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ลดการเกิดหลอดเลือดแดงแข็ง ลดการเกิดความดันโลหิต ช่วยการทำงานของไนตริกออกไซด์ และลดการเกิดการอักเสบ
กรดไขมันโอเมก้า-3 สามารถใช้ในการต่อต้านการอักเสบได้ด้วยเช่น ใช้ลดความเจ็บปวดจากโรคข้อรูมาติซึม ลดการอักเสบจากการเกิดแผลในลำไส้ใหญ่และโรคโครนส์ รักษาและลดการอักเสบของผิวหนังเช่นโรคเรื้อนกวางหรือโรคสะเก็ดเงิน
กรดไขมันโอเมก้า-3 มีประโยชน์ต่อสมองและดวงตาของเด็ก โดยที่นักวิทยาศาสตร์พบว่าดีเอชเอและกรดอะราชิโดนิกเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ประสาท สมองและเรตินาของดวงตา จึงมีการแนะนำให้หญิงตั้งครรถ์ หญิงให้นมลูก หรือการให้อาหารเสริมแก่เด็ก ให้มีส่วนผสมของดีเอชเอในอาหารด้วยเพื่อให้ระบบประสาท สมองและดวงตาของเด็กเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์และในส่วนของวัยผู้ใหญ่ ผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์และสมองเสื่อมพบว่ากรดไขมันโอเมก้า-3และ6ในสมองลดลงจึงเป็นไปได้ว่าถ้าเสริมดีเอชเอให้กับผู้ป่วยก็จะเป็นการรักษาผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์และสมองเสื่อมได้อีกทางหนึ่งและมีการพบอีกว่ากรดไขมันโอเมก้า-3 ยังสามารถช่วยรักษาโรคซึมเศร้าได้
และประโยชน์ด้านระบบทางเดินหายใจในผู้ป่วยโรคหอบหืด ซึ่งก็พบว่าถ้าผู้ป่วยโรคหอบหืดมีการกินกรดไขมันโอเมก้า-6เข้าไปมากจะเป็นกระตุ้นอาการของโรค แต่ถ้ามีการกินน้ำมันปลาเข้าไปเพื่อลดสัดส่วนที่ต่างกันของกรดไขมันโอเมก้า-3และ6 ก็จะมีจำนวนผู้ป่วยที่อาการดีขึ้นถึง 40%
และสำหรับปริมาณของกรดไขมันโอเมก้า-3ที่ควรจะกินเข้าไปนั้นสถาบันสุขภาพแห่งสหรัฐฯแนะนำให้กินที่ระดับ650 มิลลิกรัมต่อวัน จึงจะเพียงพอกับร่างกายของคนในยุคปัจจุบัน จากอดีตที่เคยแนะนำให้บริโภค 300 มิลลิกรีมต่อวัน
กรดไขมันโอเมก้า-3 มีประโยชน์ต่อสมองและดวงตาของเด็ก โดยที่นักวิทยาศาสตร์พบว่าดีเอชเอและกรดอะราชิโดนิกเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ประสาท สมองและเรตินาของดวงตา จึงมีการแนะนำให้หญิงตั้งครรถ์ หญิงให้นมลูก หรือการให้อาหารเสริมแก่เด็ก ให้มีส่วนผสมของดีเอชเอในอาหารด้วยเพื่อให้ระบบประสาท สมองและดวงตาของเด็กเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์และในส่วนของวัยผู้ใหญ่ ผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์และสมองเสื่อมพบว่ากรดไขมันโอเมก้า-3และ6ในสมองลดลงจึงเป็นไปได้ว่าถ้าเสริมดีเอชเอให้กับผู้ป่วยก็จะเป็นการรักษาผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์และสมองเสื่อมได้อีกทางหนึ่งและมีการพบอีกว่ากรดไขมันโอเมก้า-3 ยังสามารถช่วยรักษาโรคซึมเศร้าได้
และประโยชน์ด้านระบบทางเดินหายใจในผู้ป่วยโรคหอบหืด ซึ่งก็พบว่าถ้าผู้ป่วยโรคหอบหืดมีการกินกรดไขมันโอเมก้า-6เข้าไปมากจะเป็นกระตุ้นอาการของโรค แต่ถ้ามีการกินน้ำมันปลาเข้าไปเพื่อลดสัดส่วนที่ต่างกันของกรดไขมันโอเมก้า-3และ6 ก็จะมีจำนวนผู้ป่วยที่อาการดีขึ้นถึง 40%
และสำหรับปริมาณของกรดไขมันโอเมก้า-3ที่ควรจะกินเข้าไปนั้นสถาบันสุขภาพแห่งสหรัฐฯแนะนำให้กินที่ระดับ650 มิลลิกรัมต่อวัน จึงจะเพียงพอกับร่างกายของคนในยุคปัจจุบัน จากอดีตที่เคยแนะนำให้บริโภค 300 มิลลิกรีมต่อวัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น